Risk Pooling
คือ การออกแบบโซ่อุปทาน,กระบวนการผลิต ที่จะใช้ในการลดความไม่แน่นอนหรือเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยการที่จะจัดองค์กรให้อยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถลดความรุนแรงซึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนต่างๆได้ดีขึ้น แบ่งเป็น
1.Location pooling (การวมสถานที่ตั้ง)ในที่นี้คือการรวมสินค้าคงคลังให้อยู่ในที่เดียวกัน โดยหลักการเลือกคลังสินค้าที่เป็นจุดศูนย์กลาง Store ไม่จำเป็นต้องมีสินค้าคงคลังเป็นของตนเอง แต่จะใช้การดึงสินค้าโดยตรงจากคลังสินค้าที่ใช้ร่วมกัน และสินค้าคงคลังจะถูกเติมเต็มทันทีด้วยระบบอัตโนมัติที่เรียกว่า order pick up to level ข้อดีของระบบนึ้คือ ปริมาณสินค้าคงคลังลดลง แต่มีข้อเสียตรงที่ Service Level อาจลดลงได้ และต้องเสียค่าใช้จ่ายในระบบ IT เพราะ Store ต้องเชื่อมโยงกันด้วยระบบ IT
2.Product Pooling (การรวมผลิตภัณฑ์)เป็นการรวม Function พิเศษ ของ 2 ผลิตภุณฑ์ให้อยู่ในชิ้นเดียวกัน เช่น ปริ้นเตอร์ที่มีหลายๆฟังก์ชั่น ข้อดีก็คือ ประหยัดต้นทุนการผลิต แต่ข้อเสียก็คืออาจทำให้ลูกค้าลดลงได้ เพราะลูกค้าอาจต้องการใช้ฟังก์ชั่นเดียว
3.Consolidated Distribution, Lead time Pooling (การรวมจุดกระจายสินค้า)ลักษณะแตกต่างจากการรวมสถานที่ตั้งเพรา การรวมจุดกระจายสินค้าจะรวมสินค้าไว้ที่ DC แล้วส่งตรงเข้าหาลูกค้าโดยตรงในขณะที่ การรวมสถานที่ตั้งเป็นการรวมทางด้าน W/H แล้วสินค้าต้องส่งเข้า Store ก่อนถึงกระจายให้ลูกค้า ข้อดี คือ ลดปริมาณสินค้าคงคลัง ประหยัดค่าใช่จ่ายจากการสั่งซื้อ
4.Delayed differentiation, Lead Time risk pooling การทำ Postponement ข้อดี คือ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี , ผลิตสินค้าได้หลากหลายมากขึ้น ข้อเสียคือ เวลาทีล่าช้าสำหรับขั้นตอนสุดท้ายของการผลิต และสูญเสียการควบคุมการผลิต
5.Capacity Pooling (การรวมกำลังการผลิต) เป็นกระบวนการเพิ่มความยืดหยุ่นในกระบวนการผลิต เช่น โรงงาน A กับ โรงงาน B มีกำลังการผลิต เท่ากับ 100 แต่คนสั่ง B เท่ากับ 125 ในขณะที่ คนสั่ง A เท่ากับ 75 แต่โรงงาน B สามารถให้โรงงาน A ช่วยผลิตสินค้าให้ได้อีก 25 ชิ้นเพราะกำลังการผลิตของ A ยังมีอยู่ ไม่จำเป็นต้องให้ B เปิดระบบการผลิตใหม่ ข้อดีของระบบนี้คือ สามารถผลิตสินค้าได้มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการขาย ให้ต้นทุนการผลิตต่ำ
คือ การออกแบบโซ่อุปทาน,กระบวนการผลิต ที่จะใช้ในการลดความไม่แน่นอนหรือเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยการที่จะจัดองค์กรให้อยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถลดความรุนแรงซึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนต่างๆได้ดีขึ้น แบ่งเป็น
1.Location pooling (การวมสถานที่ตั้ง)ในที่นี้คือการรวมสินค้าคงคลังให้อยู่ในที่เดียวกัน โดยหลักการเลือกคลังสินค้าที่เป็นจุดศูนย์กลาง Store ไม่จำเป็นต้องมีสินค้าคงคลังเป็นของตนเอง แต่จะใช้การดึงสินค้าโดยตรงจากคลังสินค้าที่ใช้ร่วมกัน และสินค้าคงคลังจะถูกเติมเต็มทันทีด้วยระบบอัตโนมัติที่เรียกว่า order pick up to level ข้อดีของระบบนึ้คือ ปริมาณสินค้าคงคลังลดลง แต่มีข้อเสียตรงที่ Service Level อาจลดลงได้ และต้องเสียค่าใช้จ่ายในระบบ IT เพราะ Store ต้องเชื่อมโยงกันด้วยระบบ IT
2.Product Pooling (การรวมผลิตภัณฑ์)เป็นการรวม Function พิเศษ ของ 2 ผลิตภุณฑ์ให้อยู่ในชิ้นเดียวกัน เช่น ปริ้นเตอร์ที่มีหลายๆฟังก์ชั่น ข้อดีก็คือ ประหยัดต้นทุนการผลิต แต่ข้อเสียก็คืออาจทำให้ลูกค้าลดลงได้ เพราะลูกค้าอาจต้องการใช้ฟังก์ชั่นเดียว
3.Consolidated Distribution, Lead time Pooling (การรวมจุดกระจายสินค้า)ลักษณะแตกต่างจากการรวมสถานที่ตั้งเพรา การรวมจุดกระจายสินค้าจะรวมสินค้าไว้ที่ DC แล้วส่งตรงเข้าหาลูกค้าโดยตรงในขณะที่ การรวมสถานที่ตั้งเป็นการรวมทางด้าน W/H แล้วสินค้าต้องส่งเข้า Store ก่อนถึงกระจายให้ลูกค้า ข้อดี คือ ลดปริมาณสินค้าคงคลัง ประหยัดค่าใช่จ่ายจากการสั่งซื้อ
4.Delayed differentiation, Lead Time risk pooling การทำ Postponement ข้อดี คือ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี , ผลิตสินค้าได้หลากหลายมากขึ้น ข้อเสียคือ เวลาทีล่าช้าสำหรับขั้นตอนสุดท้ายของการผลิต และสูญเสียการควบคุมการผลิต
5.Capacity Pooling (การรวมกำลังการผลิต) เป็นกระบวนการเพิ่มความยืดหยุ่นในกระบวนการผลิต เช่น โรงงาน A กับ โรงงาน B มีกำลังการผลิต เท่ากับ 100 แต่คนสั่ง B เท่ากับ 125 ในขณะที่ คนสั่ง A เท่ากับ 75 แต่โรงงาน B สามารถให้โรงงาน A ช่วยผลิตสินค้าให้ได้อีก 25 ชิ้นเพราะกำลังการผลิตของ A ยังมีอยู่ ไม่จำเป็นต้องให้ B เปิดระบบการผลิตใหม่ ข้อดีของระบบนี้คือ สามารถผลิตสินค้าได้มากขึ้น เพิ่มโอกาสในการขาย ให้ต้นทุนการผลิตต่ำ